[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
โรงเรียนยางชุมน้อยพิทยาคม
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
โรงเรียนยางชุมน้อยพิทยาคม














กลุ่มบริหารงาน








การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ







































แบบวัดการรับรู้ EIT
ส่วนเสียภายนอก (EIT)
(เพื่อให้ผู้รับบริการหรือติดต่อราชการ
มีโอกาสมีส่วนร่วมในการประเมิน
ITA ของหน่วยงาน)
Facebook โรงเรียน






คู่มือสถานศึกษาปลอดภัย
ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 235 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน
link






















  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ตายแล้ว 8 ศพ "ไข้หูดับ" พื้นที่อีสานใต้ เตือนคอลาบ-ก้อยหมูดิบ ควรปรุงให้สุกก่อน  VIEW : 32    
โดย 99

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 268
ตอบแล้ว : 1
เพศ :
ระดับ : 13
Exp : 27%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 49.228.121.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์์ ที่ 5 เดือน มกราคม พ.ศ.2567 เวลา 11:17:55    ปักหมุดและแบ่งปัน

สคร. 9 เผยพื้นที่อีสานใต้ พบเป็นไข้หูดับเสียชีวิตแล้ว 8 ราย เตือนคนชื่นชอบลาบ ก้อยหมูดิบ ควรปรุงให้สุกก่อน

วันนี้ (5 มกราคม 2567) นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ในช่วงนี้พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับทั้งจากการกินแหนมดิบ หมูดิบ ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ และดื่มสุราร่วมกับกินอาหารสุกๆ ดิบๆ รวมไปถึงพ่อครัว แม่ครัว ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผลแล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ สคร.9 จึงเตือนว่าอย่ากินแหนมหมูดิบ ลาบเลือดดิบ รวมถึงใช้วิธีบีบมะนาวเพื่อให้หมูสุก รวมไปถึงอาหารปิ้งย่าง ควรมีอุปกรณ์คีบเนื้อหมูสุกและเนื้อหมูดิบแยกจากกัน ไม่ควรใช้ตะเกียบคีบหมูดิบ แล้วนำมารับประทาน เพราะหากติดเชื้อโรคไข้หูดับแล้วอาจทำให้สูญเสียการได้ยินหรือที่เรียกว่าหูดับ จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้

นายแพทย์ทวีชัยฯ กล่าวถึงโรคไข้หูดับว่า เกิดจากการกินเนื้อหมู หรือเลือดหมูสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบหมูดิบ ลาบเลือดดิบ ที่มีเชื้อสเตปโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) ปนเปื้อนอยู่ โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่ติดเชื้อ นอกจากนี้โรคไข้หูดับสามารถติดต่อผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และทางเยื่อบุตา เมื่อได้รับเชื้อโรคไข้หูดับเข้าไปแล้ว ทำให้ผู้ติดเชื้อมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น สับสนกระสับกระส่าย ปวดข้อ คอแข็ง หูหนวกหรือการได้ยินลดลงอย่างเฉียบพลัน การทรงตัวผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดต่ำ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ปวดตา ตาแดง หรือมองภาพไม่ชัด

ทั้งนี้สำหรับสถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 16 ธันวาคม 2566 มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับ 592 ราย มีผู้เสียชีวิต 32 ราย ที่ จ.แม่ฮ่องสอน 1 ราย จ.น่าน 1 ราย จ. สุโขทัย 1 ราย จ.ตาก 4 ราย จ.อุตรดิตถ์ 2 ราย จ.กำแพงเพชร 1 ราย จ. พิจิตร 1 ราย จ.อุทัยธานี 2 ราย จ.นครปฐม 1 ราย จ.สมุทรสาคร 1 ราย จ.มหาสารคาม 5 ราย จ.หนองคาย 2 ราย จ.นครราชสีมา 5 ราย จ. ชัยภูมิ 1 ราย จ.บุรีรัมย์ 1 ราย จ.สุรินทร์ 1 ราย จ.สงขลา 1 ราย และกรุงเทพ 1 ราย

ส่วนสถานการณ์โรคหูดับ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 25 ธันวาคม 2566 พบผู้ป่วยโรคไข้ หูดับจำนวน 137 ราย มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ผู้ป่วยแยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 99 ราย เสียชีวิต 5 ราย 2) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 15 ราย เสียชีวิต 1 ราย 3) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 14 ราย เสียชีวิต 1 ราย 4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 9 ราย เสียชีวิต 1 ราย อาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ รับจ้าง ร้อยละ 32.12 รองลงมาคือ เกษตรกร ร้อยละ 31.39 และทำงานบ้าน ร้อยละ 14.60 ตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาhttp://stintinovacanze.net





Slot Gacor
<